ในการดำเนินธุรกิจ มีหลากหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง
ปัจจัยหนึ่งที่ต้องพิจารณาคือ การหมุนเวียนของสินค้า ซึ่งบอกถึงความสามารถในการบริหารจัดการ โดย สามารถคำนวณได้จาก
อัตราการหมุนเวียนของสินค้า (Inventory Turnover) สามารถใช้เป็นดัชนีในการวัดจำนวนครั้งในการขายสินค้าคงเหลือของกิจการในรอบ 1 ปี โดยผลลัพธ์จะเป็นจำนวนครั้งต่อปีเช่น 10 ครั้งต่อปี 11 ครั้งต่อปี โดยจำนวนครั้งออกมาสูงแสดงว่ากิจการมีการหมุนเวียนของสินค้าที่ดี (ทำการขายได้มากครั้งในรอบ 1 ปี) ในทางตรงกันข้ามถ้าออกมาต่ำแสดงว่ากิจการจะต้องทำการสั่งสินค้าให้น้อยลงแต่ทว่าสั่งให้บ่อยครั้งมากขึ้น ตัวอย่างเช่น: ถ้ากิจการท่านมีอัตราการหมุนเวียนของสินค้าเท่ากับ 11 ครั้งต่อปีแสดงว่ากิจการท่านสามารถทำการขายได้ 11 ครั้งต่อปี หรือประมาณ 1 ครั้งต่อเดือน (1 ปีมี 12 เดือน)แต่ถ้าหากว่าอัตราการหมุนเวียนของสินค้าของคู่แข่งเท่ากับ 20 ครั้งต่อปีกิจการท่านจำเป็นที่จะต้องเร่งยุทธศาสตร์ทางการขายให้มีจำนวนครั้งมากขึ้น เป็นต้น เนื่องจากอัตราการหมุนของสินค้าเป็นปัจจัยสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงระยะเวลาที่ธุรกิจใช้ในการสร้างรายได้ โดยเปรียบเทียบได้กับเงินลงทุนในสินค้าที่ธุรกิจจ่ายไป ซึ่งการที่รอบระยะเวลาการหมุนของสินค้าเร็วกว่า ย่อมแสดงให้เห็นว่า ธุรกิจไม่ต้องนำเงินลงทุนไปจมกับสินค้าคงเหลือเป็นระยะเวลานาน อีกนัยหนึ่งก็คือ การลดจำนวนเงินทุนที่ใช้ในการจัดหาสินค้า เป็นการลดต้นทุนไปในตัว ซึ่งหมายถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเงินทุนและสินทรัพย์ที่มีอยู่ และยังเป็นการลดภาระในการเก็บสินค้า ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการเช่าพื้นที่หรือค่าเสียโอกาสในการใช้พื้นที่อีกด้วย สำหรับธุรกิจที่ต้องการกำไรขั้นต้น 20-30% การพิจารณาถึงการหมุนของสินค้าคงเหลือเป็นปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมวัตถุประสงค์ดังกล่าว ซึ่งควรอยู่ที่ 5-6 หรือมากกว่านั้น เพราะนั่นบ่งชี้ว่า ธุรกิจมีความสามารถในการกระจายสินค้าและถ่ายเทสินค้าไปสู่ลูกค้าได้รวดเร็ว เป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายต่างอาทิ - ค่าใช้จ่ายในการดูแลสินค้า การบริหารพื้นที่ในโกดัง อัตราการหมุนเวียนของสินค้าหากพิจารณาในรายละเอียด ก็ไม่ได้หมายความว่าสินค้าทุกตัวต้องมีรอบการหมุนเท่ากัน บางสินค้าอาจหมุนเร็ว บางสินค้าอาจหมุนช้ากว่า แต่ทั้งในโดยรวมเฉลี่ยแล้ว ควรมีระดับการหมุนที่เท่าหรือสูงกว่าค่าเฉลี่ยทางอุตสาหกรรม ดังนั้นการคำนวณ หาอัตราหมุนเวียนสินค้าดังกล่าว มีผลออกมาเป็นค่าตัวเลข ซึ่งบอกถึงจำนวนครั้งที่มีการผลิตและขายสินค้าในช่วงระยะเวลานั้น อัตราส่วนที่สูงแสดงถึงสินค้าถูกส่งถึงมือลูกค้าได้เร็วกว่า ซึ่งหากอัตราส่วนนี้ลดลงแสดงว่าบริษัทอาจเผชิญกับปัญหาที่ส่งผลกับยอดขายและรายได้ในอนาคตของบริษัท |